6 ช่องทางโปรโมทร้านอาหารออนไลน์ ทำครบ หัวกระไดร้านไม่แห้ง
หากคุณเป็นผู้ประกอบการร้านอาหาร ลองคิดดูว่ามันจะน่าเสียดายขนาดไหน ถ้าคุณลงทุนเปิดร้านใหม่ ลงทุนคิดสูตรอาหารอร่อย ๆ แต่คนดันไม่รู้จักร้าน
เพียงเพราะขาดช่องทางโปรโมทที่ดี และมันจะน่าเสียดายขนาดไหน ถ้าเปิดร้านมานานแล้ว ร้านก็ทำเลดี แต่ลูกค้าใหม่กลับไม่มี
แถมลูกค้าเก่าก็เริ่มย้ายไปกินร้านที่อยู่ในรีวิวกันหมด ทั้งที่ทำเลก็ไม่ได้ดีไปกว่าเรา หรืออาจแย่กว่าด้วยซ้ำ เพียงเพราะเราขาดช่องทางโปรโมทที่ดี
ใช่ ! คุณจะเสียดายมาก และอาจเสียเงินทุนที่คุณอุตส่าห์เก็บหอมรอมริบมาเปิดร้าน แต่ดันตกม้าตายที่การโปรโมทร้าน เมื่อรู้แล้วว่ามันสำคัญขนาดนี้มาดูกันดีกว่า
คุณจะโปรโมทร้านอาหารของคุณผ่านช่องทางไหนได้บ้าง ทำครบรับรองว่าหัวกระไดร้านไม่แห้ง รอรับลูกค้าได้เลย
-
Facebook
ข้อดีของการโปรโมทร้านบน Facebook อย่างแรกเลยคือ ร้านอาหารของคุณจะมีตัวตนอยู่บน Social Media ที่คนเล่นเยอะที่สุดในประเทศไทย
โดยมีถึง 45 ล้านบัญชีที่ออนไลน์ และที่เจ๋งกว่านั้น การใช้ Facebook อย่างมีกลยุทธ์ ยังเป็นการสร้างแบรนด์และสร้างความน่าเชื่อถือของร้านได้เป็นอย่างดี
เอื้อให้เกิดฐานลูกค้าประจำในระยะยาวได้อีกด้วย
เช่น คุณอาจเริ่มต้นที่การถ่ายรูปบรรยากาศร้านแล้วโพสต์ลงบน Facebook Page ให้เห็นว่าร้านสวยงามน่านั่งขนาดไหน ตกแต่งดูดียังไง
เพื่อดึงดูดให้คนมาลอง และโพสต์รูปอาหารสวย ๆ หรือวิดิโอทำอาหารที่ดูแล้วน่ากิน เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสการตัดสินใจมาลิ้มลองรสชาติอาหารมากขึ้น
รวมถึงคุณสามารถทำกิจกรรมให้แฟนเพจร่วมสนุก หรือจัดโปรโมชั่น เพื่อให้สิทธิประโยชน์ได้
และยิ่งถ้าลูกค้ามากินอาหารที่ร้านแล้วเกิดความประทับใจ เราอาจจัดกิจกรรมให้เขียนรีวิวบนเพจเพื่อแลกกับส่วนลด
ก็จะช่วยดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ เข้ามาได้อีก นอกจากนี้คุณยังสามารถ Live สด เพื่อโชว์ทุกอย่างในร้านคุณได้
ทั้งหมดนี้ คือการตลาดที่คุณสามารถทำได้บน Facebook แต่สิ่งสำคัญคือต้องมีความสม่ำเสมอในการทำเนื้อหา (Content) เพื่อให้เพจยังคงสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ดี
-
Line@
“ทะลุ 44 ล้านคน” เป็นตัวเลขของผู้ใช้ไลน์(Line)ในประเทศไทย แอพพลิเคชั่นสำหรับคุยที่ได้รับความนิยมสูงในทุกเพศทุกวัย เพื่อไม่ให้เสียโอกาสตรงนี้ไป
คุณควรมี Line@ ของร้านอาหารคุณไว้ ไม่งั้นคุณจะเสียพื้นที่ตรงนี้ไปฟรี ๆ ให้คู่แข่งหรือร้านอาหารอื่น ๆ ที่เขาโปรโมทร้านบน Line@ นั่นเอง
ตรงนี้ หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วใช้ Line เฉย ๆ ไม่ได้หรือ ?
คำตอบคือ “ได้” เพียงแต่ Line@ มีฟังก์ชั่นการใช้งานหลายอย่างที่เหมาะกับการทำธุรกิจมากกว่า Line ปกตินั่นเอง เช่น Line@ สามารถมีผู้ติดตามได้ถึง 300,000 คน
ในขณะที่ Line สามารถมีเพื่อนได้เพียง 5,000 คน Line@ สามารถเพิ่ม Admin ได้สูงสุดถึง 100 คน และยังสามารถ broadcast
หรือส่งข้อความหาผู้ติดตามได้ทั้งหมดในเวลาเดียวกันอีกด้วย ในขณะที่ Line ทำไม่ได้
นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้ Line@ เป็นช่องทางประกาศโปรโมชั่น แล้วใช้ฟังก์ชั่น E-Coupon เพื่อแจกเป็นบัตรส่วนลด หรือแลกซื้อต่าง ๆ
และใช้ Reward Card ที่ทำหน้าที่คล้าย ๆ บัตรสมาชิกสะสมแต้ม เพื่อรักษาฐานลูกค้า เปลี่ยนจากลูกค้าขาจรเป็นขาประจำได้อีกด้วย
เรียกได้ว่า ถ้า Facebook ทำหน้าที่เป็นหน้าด่านในการโปรโมทร้านอาหารของคุณ Line@ จะทำหน้าที่เป็นกองหนุนนั่นเอง ใครยังไม่ได้ลอง ต้องลอง
-
Google My Business
คุณจะเสียโอกาสมหาศาล ถ้าลูกค้าขาจร search หาร้านอาหารบน Google แต่ไม่มีร้านคุณอยู่ นั่นเพราะลูกค้าก็จะไปกินร้านอื่นที่เขาหาเจอนั่นเอง
ต้องบอกก่อนว่าบริการ Google นั้นแทรกซึมอยู่ในชีวิตประจำวันของคนยุค 4G นี้อย่างแยกไม่ออก ดังนั้น คุณต้องห้ามพลาดที่จะโปรโมทร้านของคุณ
บน Google My Business โดยเด็ดขาด เพราะมันจะช่วยเพิ่มช่องทางให้ลูกค้ามีโอกาสได้มาเจอร้านคุณได้ง่ายขึ้น
เช่น ไปโผล่อยู่บนแผนที่บน Google Map หรือไปขึ้นบนอันดับการค้นหาบน Google Search นั่นเอง
คุณยังสามารถใส่เบอร์โทรร้าน เวลาเปิดปิดของร้าน รวมถึงใส่รูปอาหาร บรรยากาศร้านลงไปได้ด้วย อีกฟังก์ชั่นหนึ่งที่ดีมากคือ ลูกค้าสามารถมารีวิวความประทับใจ
และให้คะแนนได้ ช่วยให้ดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ ได้ไม่ยาก นอกจากนี้ Google My Business ยังสามารถโพสต์ข่าวสาร กิจกรรมของร้านอาหารเราได้ด้วย จึงค่อนข้างครบเครื่อง
ถ้าคุณใช้ Facebook กับ Line@ เพื่อรุกหาลูกค้าแล้ว การมีร้านอาหารของคุณบน Google My Business จึงถือได้ว่าเป็นการตั้งรับได้อย่างดี
-
Lineman x Wongnai
เวลาที่คนเรานึกไม่ออกว่าจะกินอะไรดี จะทำอย่างไร ?
คำตอบคือ คนเรามักจะค้นหารีวิวบนอินเตอร์เน็ต ว่าร้านไหนรีวิวดีบ้าง และเว็บที่รวบรวมรีวิวเหล่านี้ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีก็คือ “Wongnai”
ทีนี้ลองคิดดูว่า ถ้าไม่มีร้านคุณอยู่บน Wongnai คุณจะเสียโอกาสขนาดไหน
เวลาที่คนเราอยากกินร้านอาหารซักร้าน แต่ไม่สะดวกเดินทางฝ่ารถติด จะทำอย่างไร ?
คำตอบคือ ก็ต้องสั่งให้ส่งถึงบ้าน และแอพพลิเคชั่นที่ให้บริการส่งอาหารตามคำสั่งถึงบ้าน ซึ่งเป็นที่นิยม ณ เวลานี้ ก็คือ Lineman
ทีนี้ลองคิดดูว่า ถ้าไม่มีร้านคุณอยู่บน Lineman คุณจะเสียโอกาสขนาดไหน
2 ช่องทางนี้ จึงเป็นช่องทางที่คุณควรเข้าไปโปรโมทร้านอาหารโดยเร็ว
ถ้าไม่อยากเสียโอกาสที่ว่ามา และทุกวันนี้ยิ่งสะดวก เพราะทั้ง Wongnai และ Lineman จับมือกันเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ
ทำให้คุณสามารถสมัครเพื่อโปรโมทร้านอาหารของคุณและขายอาหารคุณได้พร้อม ๆ กันเลย
โดยปัจจุบัน Wongnai x Lineman มีฐานข้อมูลมากกว่า 1 หมื่นร้านใน กทม. และมีผู้สั่งซื้ออาหารผ่านแอพถึง 8,500,000 คนต่อเดือน
โดยลูกค้าสามารถ search หาร้านอาหารจากระยะทางในละแวกใกล้เคียงได้ หรือดูจากความนิยม รีวิวต่าง ๆ ของ Wongnai ได้
และถ้าหากลูกค้าสั่งซื้ออาหาร บริการของ Lineman ก็จะหาผู้ส่งที่อยู่ใกล้ ๆ ส่งอาหารถึงมือเราได้เลยโดยไม่ต้องเดินทางฝ่ารถติดไปกิน
ทั้งนี้ Wongnai และ Lineman ก็จะมีข้อมูลให้กรอก ทั้งเมนูต่าง ๆ ที่ต้องการโปรโมท ราคาแต่ละเมนู สถานที่ตั้งของร้าน เบอร์โทร เวลาเปิดปิดรับออเดอร์
พร้อมให้ใส่รูปอาหาร เรียกได้ว่าครบตามที่ลูกค้าคนหนึ่งต้องการเลย
-
Instagram
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแอพพลิเคชั่นหนึ่งที่คนนิยมเข้าไปเพื่ออัพรูป และเน้นดูรูป ก็คือ Instagram ดังนั้นถ้าคุณอยากโชว์รูปอาหารสวย ๆ โชว์คลิปสั้น ๆ
ที่แสดงความน่ากินของอาหารนั้น Instagram ควรจะเป็นหนึ่งในช่องทางที่ใช้โปรโมทสื่อเหล่านั้น
การจัดโปรโมชั่นหรือจัดกิจกรรมก็เป็นสิ่งที่ทำได้ดีเช่นกัน เช่น เฉพาะผู้ที่แท็กชื่อร้านเราบน Instagram จึงจะได้โปรโมชั่นส่วนลดค่าอาหาร
เรียกได้ว่าทั้งช่วยเพิ่มยอดการติดตาม และเพิ่มการรับรู้ในเวลาเดียวกัน
นอกจากนี้คุณยังสามารถ Repost รูปอาหารจากลูกค้า เพื่อช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและดึงดูดลูกค้าได้อีกด้วย
แต่สิ่งสำคัญที่ควรย้ำ คือภาพต้องสวย และน่าดึงดูดพอ เพราะอย่าลืมว่า Instagram เน้นรูปภาพ รูปที่ดึงดูดเท่านั้นจึงจะน่าสนใจ
-
Youtube
โจทย์สำคัญโจทย์หนึ่งของผู้ประกอบการร้านอาหารคือ ทำอย่างไรให้คนรู้สึกอยากกินอาหารของเรา
ก่อนที่จะเจอหน้าตาอาหารจริง ๆ หรือพูดง่าย ๆ ว่ายั่วน้ำลายจนต้องอยากมาลองชิม
วิธีหนึ่งที่ได้ผลคือ การถ่ายทอดด้วยสื่อวิดิโอ เพราะเป็นสื่อที่เล่าเรื่องได้ดีที่สุด เห็นทั้งภาพ ได้ยินทั้งเสียง และการเคลื่อนไหว กระตุ้นประสาทสัมผัสได้ดีที่สุด
เมื่อเทียบกับข้อความและภาพนิ่ง และช่องทางการเผยแพร่วิดิโอ ที่ดีที่สุด จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก Youtube นั่นเอง
ที่สามารถให้คนมาแสดงความเห็น กดไลค์ และที่สำคัญ Youtube นั้นมีเจ้าของคือ Google
ดังนั้นวิดิโอที่อัพขึ้น Youtube จึงได้อานิสงส์ในแง่ของการค้นหาผ่าน Google Search ด้วย
แต่สิ่งที่ทำให้ Youtube เป็นช่องทางที่ดีที่สุดสำหรับวิดิโอ จริง ๆ ก็เพราะว่าคนที่เข้ามาเล่น Youtube นั้น มีความตั้งใจจะเข้ามาดูวิดิโออยู่แล้ว
ดังนั้นแม้แต่วิดิโอที่มีความยาวกว่าที่อื่น ๆ ถ้าเนื้อหาน่าสนใจ ก็มีโอกาสได้รับความนิยมสูงได้ไม่ยาก
คุณอาจเริ่มต้นจากการอัพวิดิโอง่าย ๆ อย่างเช่น คีบอาหารขึ้นมาแล้วเห็นเป็นควัน ดูน่ากิน
ถ่ายความรู้สึกของลูกค้าหลังกิน เพื่อเป็นการโปรโมทเมนูเด็ดของร้าน หรือถ่ายเบื้องหลังการทำอาหาร
เพื่อแสดงถึงความพิถีพิถันในการคัดเลือกวัตถุดิบ เอาใจใส่ในกรรมวิธีการทำ เป็นต้น
ทั้งหมดนี้คือ 6 ช่องทางโปรโมทร้านอาหารที่ผู้ประกอบการร้านอาหารทุกท่านควรศึกษาไว้
เพื่อจะได้ตัดสินใจถูกว่าจะต้องลงทุนกับช่องทางไหนบ้าง
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องดูด้วยว่า ร้านเราใครมากิน เพื่อจะได้เลือกช่องทางได้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายของร้าน
เช่น ถ้าเป็นร้านอาหารที่เน้นให้ผู้สูงอายุมากิน แต่ดันไปโปรโมทบน Instagram ก็จะได้ผลไม่สมน้ำสมเนื้อนัก
อีกเรื่องหนึ่งคือ ก่อนโปรโมท ควรจัดการปัจจัยหลักของร้านตัวเองให้ดีก่อน ถ้าอาหารในร้านยังรสชาติไม่โดนใจ หรือยังไม่คงที่
การโปรโมทไป ก็อาจเกิดผลเสียมากกว่าผลดีก็ได้ และควรจัดสรรเงินลงทุนแต่ละช่องทางให้เหมาะสม ลำดับความสำคัญให้ดี
ทำตามนี้ ขายดิบขายดี หัวกระไดร้านไม่แห้งแน่นอน
อยากเรียนรู้เครื่องมือการตลาดออนไลน์เพิ่มเติม ฟรี!
ในคอร์สเรียน “โปรโมทร้านอาหารในออนไลน์ ให้ยอดขายพุ่งขึ้น 10 เท่า”
เพียงสมัครสมาชิก แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี ก็ได้รับสิทธิ์เรียนฟรี
คลิ๊กที่ลิงค์นี้เลย! https://makrohorecaacademy.com/courses/promote-online-store/